โรคริดสีดวงทวารคืออะไร(Hemorrhoids)
 
เกิดจากอะไร มีทั้งหมดกี่ชนิด สามารถป้องกันและรักษาได้อย่างไรบ้างโรคริดสีดวงทวารหรือ Hemorrhoidsเป็นโรคที่พบว่ามีคนไข้เป็นจำนวนมาก พบได้ในเพศหญิงและเพศชาย โดยปกติอาการในระยะแรกจะไม่รุนแรง
มักเป็นๆ หายๆ กล่าวคือเป็นโรคที่สามารถหายได้เองในระยะแรก แต่บางคนอาจมีการดำเนินของโรคมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งโดยปกติแล้วคนที่มีการดำเนินของโรคมากขึ้นจะมีจำนวนไม่
มากนักและมักกินวลานานหลายปีก่อนจะถึงระดับที่รุนแรงจนกระทั่งต้องทำการรักษาโดยการผ่าตัดคือ โรคที่มีลักษณะหลอดเลือดดำที่ไส้ตรง โป่งพองหรือขอด ทำให้มีอาการเจ็บๆ คันๆ ในระยะแรกและจะเพิ่มเป็นอาการเจ็บปวดในระยะหลัง โรคนี้มีอาการที่สำคัญ คือ เลือดออกขณะหรือหลังอุจจาระ เนื่องจากเมื่อหลอดเลือดโป่งพองมากขึ้น การโป่งพองนี้จะทำให้การเสียดสีระหว่างอุจจาระกับเส้นเลือดที่โป่งพองมีมากขึ้นทำให้เกิดการแตกแยกเป็นแผล
และเลือด ออกขณะและหลังถ่ายอุจจาระได้โรคริดสีดวงทวารแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ
1. โรคริดสีดวงทวารภายใน (Internal Hemorrhoids) เกิดจากการที่ผนังตอนบนของช่องทวารหนักมี Internal Hemorrhoids Plexus ต่อกับ Superior Hemorrhoidal Vein
เกิดการโป่งพองซึ่งโรคริดสีดวงทวารชนิดนี้มีความเจ็บปวดไม่มาก เนื่องจากบริเวณที่เกิดเป็นชั้นใต้เยื่อเมือก ไม่มีส้นประสาทรับความรู้สึกปวด
2. โรคริดสีดวงทวารภายนอก (External Hemorrhoids)เกิดจากช่องทวารหนักส่วนใกล้ปากทวารหนัก ซึ่งมี External Hemorrhoids Plexus ผิวหนังรอบทวารหนักเกิดการโป่งพองมีรูปร่างต่างๆ กันออกไป เช่น เดือยไก่ กลีบมะเฟือง กลับมะไฟ  เม็ดข้าวโพด บานทะโร่  เป็นต้นซึ่งผิวหนังรอบทวารหนักมีเส้นประสาทรับความความรู้สึกปวด ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวารภายนอกจะรู้สึกเจ็บปวดมาก
โรคริดสีดวงทวาร สามารถแบ่งความรุนแรงของอาการและการโผล่ออกของริดสีดวงทวารได้ดังนี้
1. ระยะแรกเกิดเฉพาะที่บริเวณทวารหนัก มีเส้นเลือดดำโป่งพองในทวารหนักเวลาเบ่งถ่ายอุจจาระจะปรากฏว่ามีเลือดไหลออกมาด้วย ถ้ายิ่งท้องผูกเลือดจะไหลออกมามากขึ้นเพราะเกิดจากการเบ่งมากขึ้น ทำให้มีการเสียดสีกับหลอดเลือดที่มีการโป่งพองมากขึ้น
2. ระยะสองเมื่อถ่ายอุจจาระ ก้อนริดสีดวงทวารจะโผล่ยื่นออกมาแต่สามารถหดกลับเข้าไปข้างในเองได้เมื่อถ่ายอุจจาระเสร็จ
3. ระยะสามก้อนริดสีดวงจะโผล่ออกมาตลอดเวลา และไม่สามารถกลับเข้าไปข้างในเองได้ ต้องอาศัยนิ้วช่วยดัน
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร
1. ท้องผูกเรื้อรังซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคนี้มากกว่าสาเหตุอื่นๆ
2. อาหารที่ไม่เหมาะสม  ท้องเสียเรื้อรังทำให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อรอบทวารหนัก
3. ภาวะตั้งครรภ์สามารถหายเองได้หลังจากที่คลอดบุตรแล้ว
4. พันธุกรรม
5. ความชรา
การรักษาโรคริดสีดวงทวารโดยแพทย์แผนปัจจุบันมีหลายวิธีด้วยกัน ดังนั้นควรพิจารณาจากชนิดและความรุนแรงของโรคเป็นหลักในการรักษา
1. การใช้ยาระงับอาการยาเหล่านี้ควรใช้เมื่อมีอาการเท่านั้น เช่น อาการปวด การอักเสบและไม่ควร
   ใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ยาที่ใช้ได้แก่ ยาทา ยารับประทานยาเหน็บ ยาฉีด
2. การใช้ยางรัด
3. การจี้ริดสีดวงทวารด้วยอินฟราเรด
4. การจี้ริดสีดวงทวารด้วย
5. การผ่าตัดริดสีดวงทวาร
ใช้สมุนไพรรักษา "ริดสีดวงทวาร" ตามหลักของแพทย์แผนไทย
 การรักษาแผนปัจจุบัน เน้นการฉีดยา การผ่าตัด การมัดให้หัวริดสีดวงนั้นฝ่อลงไป โดยไม่ได้รับประกันว่าริดสีดวงทวารจะกลับมาใหม่ ในส่วนของการแพทย์แผนไทย ริดสีดวงทวารเป็นโรคที่มีลักษณะทั้ง ร้อนแห้งชื้น คือ มีการกำเริบทั้งธาตุลม ธาตุน้ำ และธาตุไฟ หรือปิตตะเป็นหลัก การดูแลระบบย่อยอาหารเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุด และดูเหมือนว่าขมิ้นชัน จะเป็นสมุนไพรที่ช่วยย่อยโดยไม่ไปกระทบต่อธาตุใด ทั้งยังมีฤทธิ์ลดการอักเสบ ฝาดสมานช่วยให้เนื้อเยื่อระชับขึ้นและยังช่วยฆ่าเชื้อโรคโดยสามารถใช้ได้ทั้งการกินและการทา นอกจากนี้ "เพชรสังฆาต"ยังมีฤทธิ์ลดการอักเสบและช่วยทำให้ล้ามเนื้อกระชับขึ้นเช่นกันใช้เป็นยากิน นอกจากการใช้สมุน
ไพรพื้นฐานแล้ว ยังต้องดูสาเหตุเกิดกำเริบของริดสีดวง อีกด้วย ตัวอย่างเช่น
TYPE Aเกิดจากการกำเริบของธาตุลม
มักเป็นในผู้สูงอายุ มีลักษณะแห้งและเย็นริดสีดวงไม่อักเสบไม่มีเลือดออกจะมีอาการปวดไม่เฉพาะที่หัวริดสีดวง แต่จะปวดหลัง ปวดท้อง ปวดกระเพาะปัสสาวะ มีอารมณ์ที่แปรปรวน เครียด วิตกกังวล โดยทั่วไปหัวในลักษณะนี้ต้องใช้สมุนไพรที่มีความชุ่มชื้นหล่อลื่น
เช่น งา  แมงลัก กระเจี๊ยบมอญ  เม็ดในมะม่วง เป็นต้น
TYPE Bเกิดจากการกำเริบของธาตุไฟ
มักเกิดจากการกินอาหารรสจัด จะมีอาการอักเสบ มีเลือดออกที่หัวริดสีดวง รู้สึกร้อนวูบวาบตามตัว มักโกรธ ขี้โมโหอาหารหมักดอง
 ตากแดดมาก เสียน้ำมาก กินน้ำน้อย ดังนั้นควรงดอาหารทอด อาหารมัน อาหารที่มีคุณสมบัติร้อน เช่น มันฝรั่ง มะเขือ มะเขือเทศ พริก โดยเฉพาะในช่วงที่เลือดออก และควรกินผักสดให้มากๆ สมุนไพรที่ควรใช้เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น เช่น บัวบก  ย่านาง  ไผ่ ผักบุ้งจีนเป็นต้น
TYPE C เกิดจากการกำเริบของธาตุน้ำ
มักเกิดในคนทำงานที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว นั่งเป็นประจำหัวริดสีดวงจะนิ่มไม่อักเสบไม่มีเลือดออกโผล่ออกมามาก มีมูกปนมากับอุจาระ จึงต้องงดอาหารที่จะไปเพิ่มมูกหรือเมือกมันร่างกาย เช่น นม ผลิตภัณฑ์จากนม โดยให้รับประทานสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน เช่น พริกไทย ขิง ดีปลี เหงือกปลาหมอ อัคคีทวาร ต้นกระเจี๊ยบแดง ทั้งห้าข้าวเย็นเหนือข้าวเย็นใต้ 
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร
1. ระวังอย่าให้ท้องผูก ดังนั้น ควรปรับพฤติกรรมเรื่องอาหารกินอาหารที่มีกาก เช่น ผักผลไม้ อาหาร มีเครื่องเทศที่ช่วยย่อย มีการถ่ายอุจจาระที่ดี
2.รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์โดยการออกกำลังกายเป็นกิจวัตรประจำวันจะทำให้ระบบขับถ่าย
ทำงานเป็นปกติมีอารมณ์และจิตใจที่ดี
3. ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพื่อทำให้อุจจาระมีลักษณะนิ่มขึ้น ทำให้ง่ายต่อการขับถ่ายและเป็นการลดการเสียดสีกับเส้นเลือดที่บริเวณทวารหนัก
เนื่องจาก โรคริดสีดวง ทวาร ค่อนข้างจะต้องใช้เวลาในการรักษา และ ตัวยา สมุนไพรรักษาริดสีดวง ผลิตมาจากธรรมชาติทั้งหมด ไม่มีส่วนผสมของ สเตอร์ลอยด์ หรือ สารเคมีตัวใด ผลที่ได้จะค่อยเป็นค่อยไป
                                 บทความโดย นายรุจิภาส ทำดี  เภสัชกร และ แพทย์แผนไทย 
                                             
 
 

คลิ๊กนี้มีความหมาย

Copyright (c) 2006 by Rujipass