.
 

  
มาทำความเข้าใจโรคเบาหวาน
 
ประมาณ ๑,๐๐๐,๐๐๐ ของคนรายใหม่ ได้รับการวินิจฉัยว่า  เป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นแต่ละปีในสหรัฐอเมริกา.. ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  เบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง  เป็นภัยคุกคามที่ลุกลามอย่างรวดเร็วของโลก  สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ หรือเรียก...international diabetes federation : IDF ได้รายงานว่ามีผู้เสียชีวิต ด้วยโรคเบาหวาน ทั่วโลก  ๔,๐๐๐,๐๐๐ คน ต่อ ปี  หรือ ๘ วินาที มีผู้เสียชีวิต  ๑  คน  พบแล้วมากกว่า ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ คนทั่วโลก ส่วนในประเทศไทย พบมีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน  วันละประมาณ  ๒๐  คน............
         โรคเบาหวานเป็นโรค ที่มีค่ารักษาแพงที่สุดโรคหนึ่ง
และมีอันตรายถึงขั้นอาจ
         ต้องตัดแขน ตัดขาทิ้งเลย.... หากเป็นแผลเรื้อรังขึ้นมา... จะรักษาหายยากมาก...

       

 
เบาหวานชนิดที่ 2 คืออะไร? และเมื่อไหร่? ที่มันเริ่มต้น
 
โรคเบาหวาน(Diabetes mellitus) มีอยู่หลายชนิด แต่ที่เป็นกันส่วนใหญ่แล้วมักจะเรียกว่าเบาหวาน
ชนิดที่ 2 (Type 2) คือ เป็นภาวะที่มีระดับน้ำตาล(กลูโคส)ในเลือดสูง ซึ่งมีทั้งเกิดจากร่างกาย ผลิตอิน
ซูลินไม่เพียงพอ หรือเป็นเพราะเซลล์ของร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน (Insulin Resistance)
ประวัติเก่าแก่ที่สุดของเบาหวาน ชนิดที่ 2 เริ่มประมาณช่วงปลายทศวรรษที่ 1930 ถึง
ต้นปี 1940 ซึงเป็น
ช่วง.....ประมาณสิบปีหลังจากที่ บริษัทต่างชาติเริ่มนำไฮโดรเจนมาเติมน้ำมันพืชเพื่อป้องกันการมีกลิ่น
หืนและสามารถมีอายุในการจำหน่ายได้ยาวนานขึ้น  และยังแนะนำว่าดี ...........ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่
        การเกิดขึ้นของโรคเบาหวานใหม่ ชนิดที่ 2 นี้ มองแล้ว ก็เหมือนเช่น
        โรคเบาหวานเดิมที่เคยมีมา แต่ไม่ได้เกิดจากการ "ขาด" ของอินซูลิน
 !?!?
ในขณะที่แพทย์ทั้งหลาย ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ที่ทำให้เกิดโรคใหม่นี้ แต่หลังจากที่มีการวิจัยอยู่นานปี การแพทย์เริ่มที่จะค้นพบว่าการผลิตอินซูลินนั้นเพียงพอ แต่อินซูลินที่ผลิตไม่มีประสิทธิภาพในการการลดระดับน้ำตาลในเลือด ปรากฏการณ์สำหรับการต้านทานอินซูลินนี้  ไม่สามารถกำหนดรู้ได้ โดยทางการแพทย์....  พวกเขาตั้ง ชื่อ โรคที่ไม่ใช่โรคเบาหวานชนิดเดิม.......(Type 1) ขึ้นใหม่ว่า  เบาหวานชนิดที่ 2 (Diabetes Type 2)
โรคเบาหวานเป็นโรคหนึ่งที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อจุลินทรีย์หรือเชื้อโรคใดๆ
 
อินซูลินคืออะไร? และมันทำงานอย่างไร?
อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่เป็นศูนย์กลางการควบคุมการใช้พลังงานและการเผาผลาญกลูโคสในร่าง
กาย  อินซูลินทำให้เซลล์ใน ตับ เนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ สามารถดูดซับกลูโคสจากเลือดที่เก็บไว้ในรูปแบบไกลโคเจน ที่ตับและที่กล้ามเนื้อได้ ถ้าอินซูลิน
สูง.. รางกายจะหยุดการใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงาน ถ้าอินซูลินต่ำ.. ร่างกายถึงเริ่มที่จะใช้ไขมันที่เก็บไว้เป็นแหล่งพลังงาน
ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เกิดขึ้น... เมื่อร่างกายของคุณไม่สามารถผลิตอินซูลิน ได้เพียงพอ .....ที่จะนำคาร์โบไฮเดรต (หรือน้ำตาล) ที่คุณได้บริโภคเกินความจำเป็น ให้เข้าสู่เซลล์ของร่างกายได้  ระดับน้ำตาลสูงคงที่เรื่อยๆยาวนานเช่นนี้ ทำให้เกิดความเครียดขึ้นกับร่างกายและอวัยวะต่างๆ  นำไปสู่ ความเสียหาย ต่ออวัยวะทั้งหลายที่เลือดไหลผ่านได้

 อินซูลินมีหน้าที่นำน้ำตาล จากการบริโภคคาร์โบไฮเดรต เข้าไปในเซลล์   ดังนั้นหากบริโภคคาร์โบไฮเดรตมาก อินซูลินที่ผลิตก็ต้องมากตาม  นั่นคือเหตุผลที่สำคัญมาก  ที่ต้องบริโภคโปรตีนและไขมันโซ่สั้น หรือ โซ่กลางมากกว่า เมื่อเทียบกับคาร์โบไฮเดรต ซึงช่วยให้ร่างกายของคุณจะใช้อินซูลินน้อยลง และเลือกที่ จะเผาผลาญไขมันในร่างกายเป็นพลังงานแทน
 
อะไรคือตัวการที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน
คุณอาจถามตัวเองว่า ผมรู้ได้อย่างไรว่า คุณเป็นเบาหวานชนิดที่ 2คำตอบง่ายมาก หากคุณมีพฤติกรรมการบริโภคของอาหารแปรรูป ที่มีส่วนผสมของ ไขมันพืชดัดแปลง (ผสมไฮโดรเจน) แป้ง หรือขนมปัง ที่มีส่วนผสมของข้าวสาลีมาก หรือผสมเคมีฟอกขาวมากเกินไป  รวมทั้ง อาหารสำเร็จรูป อาหารจานด่วน ฟาสต์ฟูด น้ำอัดลม สุรา และเบียร์ทั้งหลาย หลายคนอาจจะมีคำถาม ? เช่น
ฉันคิดว่า..น้ำตาลเป็นสาเหตุ....ของโรคเบาหวานไม่มีน้ำตาลก็ไม่ก่อให้เกิดโรค.......
 แต่มันใช่หรือ ไม่ล่ะ?.....
 ฉันคิดว่า..ฉันเป็นโรคเบาหวานเพราะตับอ่อนของฉันไม่ได้ทำงานอย่างถูกต้อง....
แต่มันใช่หรือ ไม่ล่ะ?.....อาจเป็นจริงก็ได้ ?

 แต่คำถามที่แท้จริงคือ เหตุผลอะไร ทำไมตับอ่อนของคุณทำงานไม่ถูกต้อง ?
เหตุผลหลักที่ตับอ่อนหยุดทำงานหรือทำงานได้น้อยลงนั้น
 เป็นผลมาจากผลกระทบโดมิโนที่เกิดขึ้นโดยไขมันดัดแปลงที่อยู่รอบๆเซลล์
ของคุณนั่นเอง
 
มียา(DRUG) รักษาได้ไหม..ไม่มี..หรือ ราคาค้อนข้างสูง....ประคับประครอง
ตามอาการไปเรื่อยๆ
 
  มีสมุนไพร
(HERB) ช่วยได้ไหม...มีซิ...และค่าใช้จ่ายล่ะ..ไม่แพงหรอกครับ
 
                 เบาหวาน TYPE2 เป็นเรื้อรังมานาน หรือเป็นมาก คลิ๊ก                   เมื่อเร็ว ๆ นี้ ........ได้รับการค้นพบว่าสารเคมี Alloxan ซึ่งพบในขนมปังสีขาวที่อุดมไปด้วยข้าวสาลี สามารถก่อให้เกิดและเร่งการเกิดโรคเบาหวานได้
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 นี้ไม่ได้เกิดจากพันธุกรรม แต่เริ่มต้นและสิ้นสุดเกี่ยวข้อง
กับพฤติกรรมการรับประทานอาหารของบุคคลคนนั้น หรือครอบครัวของเขา
โดยมากแพทย์มักใช้ข้ออ้างว่าเกิดจากพันธุศาสตร์  ก็เพราะพวกเขาไม่ได้มีเวลาในการที่จะช่วยวิเคราะห์การรักษาผู้ป่วยของพวกเขาอย่างเต็มที่ มากที่สุดแพทย์ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีกับผู้ป่วยแต่ละราย..... แทบจะไม่พอเวลาที่จะวินิจฉัยหรือรักษาปัญหา เหตุผลง่ายๆ....ส่วนมากมันมักเป็นเรื่องผลกำไรที่ต้องทำ 
ภายในตับอ่อนเบต้าเซลล์สร้างฮอร์โมนอินซูลิน แต่ละมื้อที่คุณรับประทานอาหาร เบต้าเซลล์ปล่อยอินซูลินที่จะช่วยให้ร่างกายใช้หรือเก็บน้ำตาลได้ ถ้าตับอ่อนของคุณผลิตอินซูลินได้น้อย คุณจะถือว่าเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 (TYPE 1) อันนี้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของคุณเข้าใจผิดหรือปัจจัยอื่น ๆ มาทำลายการผลิตอินซูลินในเบต้าเซลล์ของตับอ่อน สารเคมี Alloxan พบในขนมปัง หรือผลิตภัณฑ์คล้ายกัน ที่อุดมไปด้วยแป้งสาลี และสารที่ฟอกขาวทำลายเซลล์เบต้าในตับอ่อน ของคุณ มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะหลีกเลี่ยงชนิดของสีขาวหรือสีใด ๆ ที่อุดมด้วยแป้งหมี่ (white or enriched wheat flour)

เบาหวานชนิดที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อร่างกายของคุณไม่ได้ตอบสนองต่ออินซูลินที่ผลิต (ความต้านทานต่ออินซูลิน) หลักเหตุผลของเรื่องนี้คือ ผนังเซลล์ของคุณเป็นผนังเซลล์เคลือบไขมันทรานส์(จากอาหารที่บริโภค) แทนที่จะเป็นผนังคอเลสเตอรอลที่มีช่องรับส่งสารอาหารได้ตามคนปรกติ  เมื่อเซลล์มีผนังเซลล์ที่มีไขมันทรานส์ล้อมรอบอยู่ สารอาหาร และอ็อกซิเจนในเลือด ไม่สามารถที่จะซึมเข้าไปในเซลล์ได้ในปริมาณที่เหมาะสมเพียงพอ

น้ำตาลมาเกินไปในเลือดของคุณ   ก่อให้เกิดความเครียด และความเสียหายต่อ ต่อม และอวัยวะ อันเป็นผลมาจากการได้รับน้ำตาลเป็นเวลานานต่อม ตับอ่อน และอวัยวะจะเริ่มทำงานผิดปกติ
ตับอ่อน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ไม่สูงเกินไป หรือต่ำเกินไป นอกจากนี้ ตับ ไทรอยด์ และ adrenals ยังสามารถนำไปสู่ปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดได้เช่นกัน

ในทัศนคติตามแพทย์แผนไทยแล้ว เห็นว่าโรคนี้เกิดจากอาโปธาตุพิการ พิกัดอพัทธะปิตะ พิกัดโลหิต เหตุเนื่อง จาก กะรีสังหรืออาหารใหม่ที่ท่านบริโภคมากเกินนั่นเอง โลหิตที่เสียนั้นเมื่อนานเข้า ก็จะกระทำต่อปัถวีธาตุต่างๆ ของร่างกายให้พิการ หรือหย่อนในประสิทธิภาพได้ ในกรณี โรคเบาหวาน ชนิด 2 นี้ อาโปธาตุที่เสียนั้น กระทำต่อเยื่อหุ้มเซลล์ และตับอ่อน ให้พิการลงไป ร่างกายไม่สามารถที่จะรับสารอาหารได้ทำให้อ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง  อีกทั้งยังเพิ่มภาระให้กับ หัตถยัง(หัวใจ)และ ปิหกัง(ไต)อีกด้วย จึงทำให้คนที่ป่วยเป็นเบาหวานแล้ว จะต้องลงเอยด้วย  ความดันโลหิตสูง หัวใจ และไตวายในที่สุด    Back to Top                                                      
                                               
                                         บทความโดย เภสัชกรและแพทย์แผนไทย นายรุจิภาส ทำดี (สิงห์ เฒ่าค่ำช้าง)
                      
                                                                            
 
 
 
 

คลิ๊กนี้มีความหมาย

 

Copyright (c) 2006 by Rujipass